ประวัติบุญจัง

[Google]

ประวัติของ บุญจัง

==================================
     สวัสดีครับผมนายบุญศิริ สหนนท์ชัยกุล ชื่อเล่นที่เมืองไทยชื่อ ตุ๋ย (มาอยู่ญี่ปุ่น ผมให้คนญี่ปุ่นเรียกผมว่า  บุญจัง เพราะคนญี่ปุ่นออกเสียงคำว่า ตุ๋ยไม่ได้ อีกทั้งผมไม่อยากอธิบาย เวลาคนญี่ปุ่นถาม …..”ตุ๋ยแปลว่าอะไรเหรอ? 5555)
 
        ผมเป็นน้องคนสุดท้องในบรรดาพี่น้อง5คน แม่ผมเป็นแม่บ้านไม่มีรายได้ แต่โชคดีหน่อยที่พ่อผมเป็นข้าราชการบนอำเภอ ซึ่งมีสวัสดิการพอจะส่งเสียให้ลูกๆได้เรียนในโรงเรียนได้ ตัวพ่อผมเองก็ไม่ได้มีเงินเดือนมากมายนัก … ส่วนใหญ่จะได้เงินมาหมุนใช้ในครอบครัวจากการพนันต่างๆ ทั้งชนไก่ ไฮโล ตู้มวย และก็แน่นอนการเล่นไพ่ … (แม้กระทั่งทุกวันนี้ เวลากลับไปจากญี่ปุ่นก็ต้องพาแกไปเล่นไพ่ที่ปอยเปต …. แฟนผมนามิจังเป็นคนญี่ปุ่น พูดภาษาไทยไม่ออก แต่เวลาเห็นหน้าพ่อผมตอนแกเล่นไพ่ นามิบอก ดูพ่อมีความสุขมากเลยนะ555… ความสุขแกแหล่ะครับ ผมไม่เคยโกรธแกเลยนะครับ เราเป็นลูก มีหน้าที่เลี้ยงดูพ่อแม่ ก็ได้แต่ส่งเงินให้แกไปลงทุนที่เขมร)
 
       ครอบครัวผมในสมัยเด็ก ได้บ้านพักข้าราชการเป็นที่อยู่อาศัย ก็เลยช่วยประทังค่าใช้จ่ายในครอบครัวไปเยอะ แต่มันก็ไม่มีเงินเหลือพอที่จะร้องขอของเล่น หรือสิ่งฟุ่มเฟือยจากพ่อแม่ ผมไม่เคยซื้อการ์ตูน เทปเพลงในชีวิตนี้ ผมก็เคยซื้อแค่ม้วนเดียว คืออัลบั้มแรกของ มอส ปฏิภาน นอกนั้นก็ได้แต่ฟังจากวิทยุ แล้วอัดเทปเอา…. ชีวิตครอบครัวค่อนข้างลำบากครับ ผมจำได้พ่อผมเคยสอนไว้เวลาผมไปขอเงินมาซื้อของ
 
พ่อแม่ไม่มี เงินทอง จะกองให้
จงตั้งใจ พากเพียร เรียนหนังสือ
หาวิชา ความรู้ เป็นคู่มือ
เพื่อยึดถือ เอาไว้ ใช้เลี้ยงกาย
 
นี่แหล่ะครับครับสมบัติทางปัญญาที่พ่อผมให้ ซึ่งทำให้ผมตั้งใจขยันเรียน
 
      ชีวิตของผมในวัยเด็ก ส่วนใหญ่ผมจะใช้ชีวิตอยู่กับวงดุริยางค์ของโรงเรียน เพราะที่นั่นมีข้าวให้กิน&มีเพื่อนเยอะแยะ ผมเข้าดุริยางค์ตั้งแต่ป.4 โรงเรียนของผม ดาราสมุทรเคยเข้าไปแข่งชิงแชมป์วงดุริยางค์ของประเทศตั้งหลายครั้ง ตั้งแต่ป.4 – .6 วงผมไม่เคยได้รับรางวัลชนะเลิศระดับประเทศเลย แต่พอผมเรียนจบ โรงเรียนผมได้ที่หนึ่ง แถมมีโอกาสได้ไปแข่งต่างประเทศด้วย … มาย้อนคิดกลับไปก็ยังขำตัวเองเลยครับ …. ชะตะฟ้าลิขิต
 
 นอกจากเป็นสมาชิกวงดุริยางค์ ผมก็ได้ทำกิจกรรมต่างๆควบคู่กันไปด้วย คือเป็นตัวแทนของโรงเรียนไปแข่งขันโต้วาทีตามงานจังหวัด ได้แชมป์โรงเรียนภาคตะวันออกก็เคยมาแล้ว ผมไม่ค่อยชอบเวลาเห็นผู้ปกครองบางท่านชอบบอกว่า ไม่อยากให้เด็กทำกิจกรรมโรงเรียน ไม่งั้นจะเรียนไม่เก่ง …ผมว่ามันไม่ใช่ ปีสุดท้ายของชีวิตนักเรียนมัธยมปลาย ผมได้เป็นประธานนักเรียนของโรงเรียน และเป็นคนเดียวของโรงเรียนที่เอนทรานซ์ติด มหาวิทยาลัยของรัฐ ผมเอ็นติดธรรมศาสตร์
 
    จากเด็กชลบุรีที่ต้องเข้าไปเรียนกรุงเทพฯ ผมว่าศรีราชา มันก็ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ แต่ชีวิตในรั้วมหาลัยผม ผมกลับถูกจัดอยู่ในกลุ่มที่เพื่อนๆเรียกว่าบ้านนอก” … ไม่มีเสื้อผ้าสวยๆใส่ไปมหาลัย จะไปกินข้าวตามห้างกับเพื่อนๆก็ไม่ค่อยมีเงิน … แต่บางเดือนก็ต้องไป เพราะเดี๋ยวจะไม่มีใครคบ สุดท้ายก็ต้องกลับมานั่งต้มมาม่ากินตั้งแต่กลางเดือน ส่วนเรื่องเรียน ชีวิตในธรรมศาสตร์ผมก็ต้องตั้งใจเรียนเพราะหวังจะเอาทุนการศึกษา
 
ตอนผมอยู่ปี3 ผมได้รับเลือกให้เป็นตัวแทน ไปโครงการแลกเปลี่ยนนักศึกษาระหว่างมหาลัยซึกุบะ ที่ประเทศญี่ปุ่น คณะผมประกาศรายชื่อของผมตอนต้นปีของปี3ประมาณเดือนมิถุนา ผมไปเรียนภาษาญี่ปุ่นตลอดทั้งปี เพื่อเตรียมตัวก่อนไปจริงๆในปีหน้า สุดท้ายหลักฐานทางเอกสารผมมีปัญหา ผมมารู้อีกทีตอนกุมภาฯ ก่อนจะขึ้นปี4ว่า…..ผมไม่ได้ไปญี่ปุ่นแล้วชะตาฟ้าลิขิต
 
 
สุดท้ายผมเรียนจบที่ธรรมศาสตร์ ด้วยคะแนนเกียรตินิยมอันดับ2 (เป็นที่1ของผู้ชายทั้งคณะ) ผมภูมิใจที่อย่างน้อยก็เอาปริญญามาให้&ครอบครัวได้ จบธรรมศาสตร์ผมไปเรียนเป็นมัคคุเทศก์(ที่ธรรมศาสตร์เช่นเดียวกัน) พอจบผมก็เข้าทำงานที่บริษัททัวร์แถวสีลม ระหว่างนั้นเอง พี่ชายผมได้หาทุนของบริษัทหนังสือพิมพ์ของญี่ปุ่นมาให้ และนั่นก็เป็นใบเบิกทางของผม ให้ผมได้มีโอกาสก้าวออกมาสู่สังคมในต่างประเทศ ผมจำได้ผมมาญี่ปุ่น ณ วันที่ 18 มีนาคม 2545
 
ฝั่งซ้ายของภาพแถวกลาง”คนตัวดำๆ” คือบุญจัง55
 
     บริษัทหนังสือพิมพ์โยมิอุริ เป็นบริษัทที่ให้ทุนการศึกษากับผม โดยมีระยะเวลา2ปี ผมต้องมาส่งหนังสือพิมพ์ในประเทศญี่ปุ่น ตื่นตั้งแต่ตีสองครึ่ง มาใส่ใบโฆษณาในหนังสือพิมพ์ ส่งหนังสือพิมพ์กว่า300 ฉบับ เสร็จ6โมงเช้า นอน2ชม. ไปโรงเรียนตั้งแต่9โมงถึง12:30 กลับมาบ้านตอนบ่ายโมง นอน2ชม. แล้วก็ต้องออกไปส่งหนังสือพิมพ์ต่อในช่วงเวลาเย็น (ญี่ปุ่นมีหนังสือพิมพ์วันละ2รอบ ยกเว้นวันอาทิตย์มีรอบเดียว) ทางบริษัทจะออกค่าเรียนภาษา และค่าเช่าบ้านให้ รวมถึงมีเงินเดือนให้อีกเดือนละประมาณ90,000เยน (30,000บาท)
 
ชีวิตดูเหมือนจะสบาย แต่ความจริงมันไม่ใช่ เพราะไหนจะฝน ไหนจะพายุ อีกทั้งฤดูหนาว แถมหิมะตก … หลายคนที่มาทุนเดียวกันผม ทนความลำบากไม่ได้ถอนตัวไปกลางคันก็มี ซึ่งในกรณีนี้ก็ต้องจ่ายค่าเสียหาย เพราะผิดสัญญากันไป เนื่องจากอยู่ไม่ครบ2ปี …. บ้านผมไม่รวย ผมต้องอดทน ชีวิต2ปีนั้นนี่โหดมาก เพราะผมแอบไปทำงานพาร์ทไทม์ในร้านอาหารไทยที่ญี่ปุนด้วย ลูกค้ากินกับเหลือก็เก็บกลับมาแช่ช่องฟรีส ส่งหนังสือพิมพ์เสร็จก็มาเข้าเวฟกิน แอบทำงานสัปดาห์ละ2ครั้ง ได้นอนวันละ4ชม.(2ชม. 2รอบ) ผมเหนื่อย … บางทีก็ท้อ แอบคิดในใจ อุตส่าห์จบตั้งเกรียตินิยมธรรมศาสตร์ มานั่งล้างจาน ส่งหนังสือพิมพ์….เพื่ออะไร?”…แต่สุดท้ายผมก็อดทน
 
      นอกจากนั้นโรงเรียนสอนภาษาที่ญี่ปุ่นยังมีระบบเช็คชื่อด้วย เราก็ต้องไปเรียนไม่ให้สาย ไม่ให้ขาด … ผลการเรียนเราดี เรามี%การเข้าเรียนสูง สุดท้ายผมก็ได้ทุนการศึกษาของรัฐบาลญี่ปุ่น ทำให้ผมสามารถออกจากทุนหนังสือพิมพ์ และใช้ชีวิตส่งเสียตนเองเรียนต่อในญี่ปุ่นได้ หลังจากจบสัญญา2ปี

 

แต่เหตุผลหลักที่ทำให้ผมออกจากทุนนสพ. นั้นไม่ใช่เรื่องความลำบาก ผมออกมาสู้ชีวิตเองเพราะ ผมอยากทำงานในวงการบันเทิงญี่ปุ่น !!! จริงๆแล้วผมได้เริ่มงานในวงการบันเทิงในประเทศญี่ปุ่นตั้งแต่สมัยผมทำงานส่งหนังสือพิมพ์ … งานแรกที่ผมทำคืองานนักแสดงตัวประกอบ ในละครเรื่องGOOD LUCK!ซึ่งในละครมีฉากที่พระเอกซึ่งเป็นกัปตันเครื่องบิน ขับเครื่องบินไปลงที่เมืองไทย ผมแสดงเป็นเด็กขนกระเป๋า …. แว่ปเดียวจริงๆที่เห็น ต่อให้กดPAUSE ดูก็ไม่มีใครจำได้5555 แต่ผมชอบในงานนี้ ก็แอบทำมาเรื่อยๆ โดยบางงานที่มีติดต่อเข้ามาก็ต้องแคนเซิลกันไป เพราะงานหลักเราคือเด็กส่งหนังสือพิมพ์ … และนั่นก็คือเหตุผลที่ทำให้ผมออกมาสู้ชีวิตเอง จ่ายเงินค่าเล่าเรียนเอง เพราะผมอยากทำงานในวงการบันเทิงของประเทศญี่ปุ่นอย่าง100%

        ผมเป็นเด็กทุนนสพ.2ปี เรียนมหาลัย2ปี ทำงานร้านอาหารไทย2ปี อยู่ญี่ปุ่น6 ปี ทำงานในวงการบันเทิงญี่ปุ่นมา5ปี มีผลงานนับไม่ถ้วนแต่ถามว่าหน้าอย่างผม มันจะไปดังสู้คนอื่นๆได้ไหม? มันก็ไม่ได้ …. มันทำให้ผมท้อ(อีกแล้ว) … สุดท้ายในปี ค.. 2008 ผมตัดสินใจบินไปเรียนต่อที่อังกฤษ ด้วยเงินที่ผมสะสมมา … ทิ้งวงการวงการมายาไว้ข้างหลัง
ผมบินจากญี่ปุ่นไปลอนดอน(ทำงานพาร์ทไทม์ขายซูชิ) ..อยู่ที่นั้น1ปี กลับมาแต่งงานที่เมืองไทย 6เดือน แล้วผมก็บินไปเรียนต่อที่ออสเตรเลีย(ทำงานพาร์ทไทม์เป็นพนักงานนวด) … อยู่ได้1ปี สุดท้ายผมก็กลับมาญี่ปุ่น
 
              ชีวิตอันโลดโผนของผมนั้น กลับมาเริ่มต้นอีกทีที่ญี่ปุ่น เริ่มภาค2 ณ วันที่ 4 เมษา ค..2010 เช้าวันรุ่งขึ้นหลังจากกลับมาที่ญี่ปุ่น ผมโทรหาบริษัทนักแสดงที่ผมเคยสังกัดอยู่ ผมได้งานในวันนั้นเลย … ความรู้สึกในตอนนั้นมันดีใจอย่างบอกไม่ถูก ที่เราได้กลับมายืนตรงจุดๆนี้อีกครั้ง ซึ่งในช่วงเวลาที่ผมห่างหายจากวงการบันเทิงไป มันทำให้ผมรู้ว่าผมรักในถนนสายนี้มากแค่ไหน
 
 ผมทำงานในวงการบันเทิงมานับไม่ถ้วน ทั้งวิทยุ ละคร ภาพยนตร์ ออกเทปเพลงซิงเกิ้ล ทอล์คโชว์ ทุกๆครั้งที่ผมออกโทรทัศน์ในฐานะคนไทย ผมภูมิใจเป็นอย่างมาก เพราะผมถือว่า ผมเป็นคนชาติไทย ที่ทำหน้าที่ เป็นคนที่คอยเผยแพร่วัฒนธรรมไทย คอยให้ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับบ้านเมืองเรา ให้คนญี่ปุ่นได้รับทราบ … ผมเพียงหวังแต่ว่า วันหนึ่ง หากคนญี่ปุ่นที่ได้ดูรายการที่ผมออก เค้าจะไปเที่ยวเมืองไทย … และเมื่อถึงตอนนั้น ไม่ว่าจะเป็นแม่ค้า พนักงานโรงแรม พ่อครัว หรือพี่แท็กซี่คนขับรถ … เม็ดเงินเหล่านั้นจากนักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่น มันจะช่วยทำให้บ้านเกิดเมืองนอนของผมเจริญขึ้น
 
   การต่อสู้อันยาวนานของผม มันยังไม่จบสิ้น … ผมอยากประสบความสำเร็จให้มากกว่านี้เพราะว่าผม นอกจากจะมีหน้าที่ในฐานะคนไทยที่คอยเผยแพร่เรื่องราวเกี่ยวกับเมืองไทยแล้ว ผมยังต้องรับผิดชอบครอบครัวที่เมืองไทยในฐานะลูกที่ดี แถมผมก็มีครอบครัวที่ญี่ปุ่น ผมมีภรรยาที่ต้องดูแล … เหนือไปกว่านั้น ผมคิดว่าหากผมสู้ สู้ให้ถึงที่สุด สู้จนผมกลายเป็นที่ยอมรับในสังคมทั้งญี่ปุ่น&เมืองไทย เมื่อผมประสบความสำเร็จจนถึงจุดๆนั้น … เด็กไทยหลายๆคน ที่มาจากครอบครัวจนๆคล้ายผม เขาเหล่านั้นก็คงอาจจะสู้ …. เพราะเค้ารู้ว่า ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั่น
 
 
ปล:อีกความฝันของผมในตอนนี้ ณ วันหนึ่งที่ผมประสบความสำเร็จ … จะมีใครต่อใครหลายคนไปถามพ่อผม….. “ลุงเลี้ยงลูกยังไงน่ะครับ.. เก่งจังเลย!!!
 
คุณบุญถึง (พ่อบุญจัง) หวังว่าวันหนึ่งแกคงจะมีความสุข ถ้าลูกประสบความสำเร็จ
 
ขอคุณทุกๆท่านที่ได้อ่านมาจนจบนะครับผมสัญญาว่าผมจะสู้ต่อไปครับ
 
บุญจัง
อ้างอิงเพิ่มเติม
  1. วิกิพีเดียภาษาญี่ปุ่นของ บุญจัง https://ja.wikipedia.org/wiki/ブンシリ
  2. บุญจัง Blog’s ภาษาญี่ปุ่น http://www.bunshiri.com
  3. คลิปตัวอย่างผลงานในวงการบันเทิงที่ประเทศญี่ปุ่น http://tomyamwasabi.com/bunchan
  4. คลิปตัวอย่างผลงานในวงการบันเทิงที่ประเทศไทย http://tomyamwasabi.com/บุญจัง_วงการบันเทิงไทย
  5. วีดีโอบางส่วนที่ลงในChannel Youtube https://www.youtube.com/user/Banzaithailand/videos

[Google]